ถ้าเราพูดถึงอัญมณี แน่นอนเราต้องนึกถึงความสวยงาม เพราะอัญมณี คือ หนึ่งในเครื่อง ประดับที่คู่กับผู้คนมายาวนานมาก ซึ่งปัจจุบันอัญมณีเหล่านี้ ไม่ได้ถูกนำมาใส่เป็นเครื่องประดับ เฉพาะผู้หญิงเท่านั้น แต่ยังคงเป็นเครื่องประดับของเพศชาย และเด็กวัยรุ่นอีกด้วย นั่นแปลว่า อัญมณีในปัจจุบันนี้ สามารถนำมาใส่ตกแต่งเป็นเครื่องประดับได้ทุกเพศทุกวัยเลยทีเดียว วันนี้ เราจะพาทุกคนไปดูอัญมณีจากแดนใต้ของประเทศไทย
อัญมณีชิ้นแรกหนีไม่พ้นอัญมณีที่ขึ้นชื่อที่สุดจากอันดามัน คือ ไข่มุก ในสมัยก่อนไข่มุก ถือเป็นเครื่องประดับชนชั้นสูง แต่ปัจจุบันไข่มุกเป็นอัญมณีที่ทุกคนสามารถจับต้องได้ไม่ว่าจะ เพศไหนหรืออายุเท่าไหร่ เพราะการออกแบบในปัจจุบันถือว่ามีการปรับเปลี่ยนให้ทันสมัย และ ยังเป็นเครื่องประดับได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็นสร้อยคอ ต่างหู กำไล ข้อมือ มงกุฏ ที่คาดผม แหวน และอื่นๆอีกมากมาย
อัญมณีชิ้นที่สอง คือ ลูกปัดโบราณเขาสามแก้ว เป็นลูกปัดโบราณที่มีอายุมากกว่า 1500 ปี ถูกค้นพบที่แหล่งโบราณคดีเขาสามแก้วจังหวัดชุมพร ซึ่งถือได้ว่าเป็นอัญมณีที่เก่าแก่ที่สุดใน ภาคใต้ รูปทรงหรือลวดลายต่างๆได้รับอิทธิพลมาจากประเทศอินเดีย ซึ่งในปัจจุบันนั้นหาดูได้ ค่อนข้างยาก
มาถึงอัญมณีชิ้นที่สาม คือ สร้อยถักกะลา โดยสร้อยถักกะลานี้เกิดจากการนำกะลามะพร้าวมาเจียรให้เป็นเม็ดเล็กๆทดแทนลูกปัดทราวดีที่ในปัจจุบันหาไม่ได้แล้ว จึงมีการนำกะลามา ทดแทน แต่รูปแบบดีไซต์ของสร้อยถักกะลายังคงยึดดีไซต์ของงานศิลปะศรีวิชัยที่โดดเด่นจาก อดีตจนถึงปัจจุบัน
อัญมณีชิ้นที่สี่ของเราหนีไม่พ้นเครื่องถมเงิน เครื่องถมทอง โดยตัวเครื่องถมนี้ถือเป็น ศิลปาชีพชั้นสูงในสมัยโบราณ ต้องใช้ทักษะฝีมือค่อนข้างมาก ในปัจจุบันลวดลายต่างๆ ยังคง ยึดลวดลายดั้งเดิมที่มีมาแต่ก่อน เรียกได้ว่าเป็นอัญมณีที่แสดง ลวดลายข้ามกาลเวลามากๆ
อัญมณีชิ้นที่ห้าถือเป็นอัญมณีโบราณที่ในปัจจุบันเราหาดูได้ค่อนข้างยาก นั่นคือ เครื่องประดับของชาวเปอรานากัน หรือบะบ๋าย่าหยา ซึ่งเดิมทีเป็นคนพื้นเมืองที่มีเชื้อสายผสมระหว่าง จีนมลายู ถึงแม้ปัจจุบันชาวเปอรานากันเหลืออยู่น้อยมากแต่อัตลักษณ์ที่สวยงามยังคงอยู่
อัญมณีชิ้นสุดท้ายก็คือลูกปัดโนราห์ที่ถูกนำมาถักร้อยเป็นเครื่องประดับที่สามารถใส่ในชีวิตประจำวันได้ ไม่เพียงแต่ในชุดนาฏศิลป์ แต่ยังคงดีไซต์โนราห์เพื่อคงความเป็นเอกลักษณ์ที่ สวยงาม
